วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เราคือลูกของแม่พระธรณี


เรื่องย่อ
เรื่องนี้ประกอบด้วยสองสามีภรรยา ซึ่งก็คือเอินซึ่งประกอบอาชีพชาวนาและรมณีย์ซึ่งเป็นผู้ดีเก่า ในขณะนี้รมณีย์กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ซึ่งทำให้หล่อนคิดมากเพราะกลัวว่าจะแท้งเหมือนกับลูกคนแรก ดังนั้นหล่อนจึงบอกกับสามีว่าให้ย้ายที่อยู่ให้อยู่ในที่ ๆ อุดมสมบูรณ์กว่านี้ แต่ทางฝ่ายสามีนั้นนั้นเป็นคนหัวดื้อ อีกทั้งยังรักที่นาของเขาเป็นอย่างมาก จึงไม่ยอมย้ายที่อยู่ ดังนั้นหล่อนจึงคิดที่จะหนีไปคลอดลูกที่กรุงเทพเพื่อที่จะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะเนื่องจากสภาพของนาที่นี่แห้งแล้งทุรกันดารเกินไป เต็มไปด้วยความร้อนแห้งผาก ฝุ่นละออง ฯลฯ ซึ่งมันทำให้หล่อนเครียดเอามาก ๆ เริ่มโทษว่านี่เป็นความผิดของใครกัน หล่อนเริ่มคิดถึงสาเหตุของการแท้งลูกคนแรก อันเกิดมาจากการที่ตัวหล่อนเองฝืนทำงานในขณะตั้งครรภ์ รมณีย์เริ่มคิดแล้วพูดกับสามีอีกครั้ง แต่สามีกลับพูดว่าขอเวลาอีกซักปีเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเอาไว้เป็นทุนก่อน แล้วค่อยทิ้งที่นาผืนนี้ไป ทำให้รมณีย์มนไม่ได้ ดังนั้นในวันหนึ่ง หล่อนจึงคิดไปหนีไปกรุงเทพ เตรียมแผนการหนีไว้เป็นอย่างดี มีแม้กระทั่งจดหมายลา จนถึงเวลาฟ้าสาง…
หล่อนดำเนินแผนตามที่ได้คิดเอาไว้ รอจนกระทั่งผู้เป็นสามีออกไปทำงานแล้ว หล่อนจึงลงมือเก็บข้างของ แต่งตัว มองตัวเองในกระจกอย่างเศร้า ๆ ว่า ผมที่เคยหยิกสลวยมันระยับกลับกลายเป็นกระด้างหยาบแดง แก้มที่เคยนวลผ่องกลับเกรียมคล้ำ มือที่เคยนิ่มกลับกร้านสาก ฯลฯ เมื่อแต่งตัวเสร็จ หล่อนมองไปรอบ ๆ ทำให้หล่อนคิดมากอีกครั้งจนน้ำตาไหลพราก แต่ก็ยังหักใจได้ จากนั้นหล่อนก็มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟ ระหว่างทางหล่อนมองเห็นที่นาของคนอื่นที่ไม่อาจต่อสู้กับความแห้งแล้งจนต้องอพยพไปที่อื่น เห็นซากโครงกระดูกควายที่ตายไปเพราะขาดน้ำ ทำให้หล่อนคิดว่าพระพิรุณไม่ได้มีความปราณีเลยแม้แต่นิด…
หล่อนเดินไปได้ซักพักเริ่มรู้สึกคอแห้ง ปวดข้อเท้า จึงหยุดพักที่ใต้ร่มไม้ข้างทาง หล่อนรู้สึกปวดท้องเนื่องจากเด็กดิ้นจึงนอนลงบนพื้นดิน หล่อนยืดแขนหาอะไรยึด สิ่งที่หล่อนคว้าได้คือต้นข้าวแห้ง ๆ ที่หลุดติดมือมา ซึ่งมันทำให้หล่อนขว้างมันทิ้งอย่างโกรธกริ้ว ทันใดนั้นเมื่อหล่อนมองที่พื้นดิน ก็พลันเห็นต้นหญ้าเล็ก ๆ ชูเรียวใบอันเขียวขจีซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความแห้งแล้ง ทำให้หล่อนคิดได้ว่า สำหรับสามีนั้น สีเขียวขจีของหญ้าเล็ก ๆ นี่เองที่เป็นความหวังของเขา ต้องอดทนต่อสู้ไม่ย่อท้อ ก่อนที่มันจะตอบแทนรางวัลอันน่าชื่นใจให้…
รมณีย์ยิ้มอย่างมีความสุขและหลับไป นานเท่าใดไม่รู้ แต่พอตื่นขึ้นมา ฝนก็ตกลงมาอย่างเย็นเฉียบและหวานชื่น ทำให้หล่อนไม่วิตกอะไรอีก หล่อนคิดว่าจะอยู่และตายที่พื้นแผ่นดินนี้
ทันใดนั้นฝ่ายสามีก็ควบม้ามา แล้วบอกฝ่ายภรรยาว่าจะขายที่และไปอยู่ที่กรุงเทพด้วยกัน แต่ฝ่ายภรรยาแย้งว่า จะไม่ไปกรุงเทพแล้ว จะอยู่ที่นี่ตลอดไป เพราะว่าเราคือลูกของแม่พระธรณี


ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง "เราคือลูกของแม่พระธรณี "

1. พ่อและแม่ย่อมเป็นห่วงลูกของตนเสมอ
2. คนเราควรมีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
3. ถ้าเกิดความไม่สบายใจขึ้นมา ก็ควรเลือกใช้ defense mechanism ที่เหมาะสม
4. คนเราควรยอมรับความเป็นจริง
5. เราควรเห็นใจชาวนาบ้าง เพราะชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ
6. ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก อย่ายอมแพ้
7. คนเราควรปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบข้างให้ได้ จะให้อยู่อย่างมีความสุข
8. คนเราเกิดมา ควรทำตัวให้มีคุณค่าแก่สังคมบ้าง
9. หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น ก็ควรหาทางแก้ปัญหานั้น อย่าหวังว่าเทพยาดาทั้งหลายจะช่วย
10. ในการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันควรใช้หลัก " เอาใจเขามาใส่ใจเรา "




ที่มา http://www.kmutt.ac.th/





ชำระเงินออนไลน์

คำสอนของพ่อแต่ละปี

1. ความเพียร

การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯวันที่ 27 ตุลาคม 2516

2. ความพอดี

ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน


พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 18 ธันวาคม 2540

3. ความรู้ตน

เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบและคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญ ให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน


พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือ วันเด็ก ประจำปี 2521

4. คนเราจะต้องรับและจะต้องให้

คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่ เผื่อแผ่โดยแท้


พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 20 เมษายน 2521

5. อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ

ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม


พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 มิถุนายน 2496

6. พูดจริง ทำจริง

ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม


พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฎาคม 2540

7. หนังสือเป็นออมสิน

หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้ มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ 25 พฤศจิกายน 2514

8. ความซื่อสัตย์

ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง


พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปี พุทธศักราช 2531

9. การเอาชนะใจตน

ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ


พระราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ 12
ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 12 ธันวาคม 2513

ที่มา www.wanjai.com

ชำระเงินออนไลน์

คำสอนของพ่อ

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

1.ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจานอย่างจริงใจ
2.อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใดนอกจาก ปัญญา และความกล้าหาญ
3.เพื่อนใหม่ คือ ของขวัญที่ให้กับตนเอง ส่วนเพื่อนเก่า/มิตร คือ อัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า
4.ปฏิบัติต่อคนอื่น เช่นเดียวกับอยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อเรา
5.พูดคำว่า ขอบคุณให้มากๆ
6.รักษา ความลับ ให้เป็น
7.ประเมินคุณค่าของการให้ อภัย ให้สูง
8.ฟังให้มากแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี
9.หากล้มลงอย่ากลัวการลุกขึ้นใหม่
10.เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนัก คิดเสมอว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว
11.อย่างเถียงธุรกิจในลิฟต์
12.ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อก่อหนี้สิน
13.อย่างหยิ่งหากจะกล่าวว่าขอโทษ
14.อย่าอายหากจะบอกใครว่า ไม่รู้
15.ระยะทางนับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง
16.เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่างๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป
17.การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวย เป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท
18.คนไม่รักเงิน คือ คนไม่รักชีวิต ไม่รักอนาคต
19.ยามทะเลาะกันผู้ที่เงียบก่อนคือผู้ที่มีการอบรมสั่นสอนมาดี
20.จงอย่าให้จุดแข็งเอาชนะจุดอ่อน
21.เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด
22.เหรียญเดียวมี 2 หน้า ความสำเร็จ กับความล้มเหลว
23.อย่าตามใจตัวเอง เรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นล้วนตามใจตัวเองทั้งสิ้น
24.ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน
25.ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมเม็ดต่อๆ ไปก็ผิดหมด
26.จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด
27.ดาวและเดือนที่อยู่สูงอยากได้ ต้องปีนบันไดสูง
http://dek-d.com
ชำระเงินออนไลน์

ความหมายของของขวัญ

ใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่กันแล้ว การหาของขวัญแต่ละชนิดที่เราให้คนพิเศษ หรือแลกเปลี่ยนกันตามเทศกาลต่างๆ ท่านใดยังคิดไม่ออกว่าจะเลือกอะไรให้คนพิเศษ อ่านบทความนี้แล้วคงจะคลายความกังวลได้บ้างนะคะ.....





ดนตรี ไม่ว่าจะเป็นเทปเพลง แผ่น CD เครื่องดนตรีทั้งหลาย มีความหมายถึง จิตใจที่อยากจะส่งมาให้ ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . แปลว่า คุณอยากจะให้ผู้รับรู้ถึงความรู้สึกในจิตใจ ที่ไม่อาจบอกได้ แต่เป็นความรู้สึกที่แสนดี และคุณก็เป็นคนโรแมนติก หวานแหว๋วไม่ใช่เล่น แถมขี้อายเล็ก ๆ ด้วยถ้าคุณเป็นผู้รับ. . . ถ้าดนตรีหรือ เทปเพลงที่ส่งมาเป็นเพลงรัก คุณกำลังถูกบอกรักแล้วล่ะ ผู้ให้เป็นคนน่ารัก อบอุ่น เซ็นซิทีฟ อ่อนโยน ช่างฝัน และกำลังรอคำตอบอยู่ด้วยล่ะ...ตัว






กล้องถ่ายรูป - ภาพถ่าย ความหมายของกล้องถ่ายรูป หรือภาพถ่าย รวมทั้ง Postcard ด้วย บอกถึงความรู้สึกที่ห่างกันแล้วนะ ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . หากคุณส่งภาพถ่าย หรือเอาใส่กรอบให้ใคร คุณอยากจะให้เขาคิดถึงคุณเสมอ กลัวว่าเขาจะลืมคุณ แม้กระทั่งกล้องถ่ายรูป ก็อยากให้ถ่ายรูปส่งมาให้กัน บ้างนั่นแหละ มี อาการน้อยใจเล็ก ๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่บอกได้ว่า คนที่ให้เป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว รักการผจญภัย กล้ าเสี่ยง และมีอารมณ์ขัน ไม่อยู่ในระเบียบ ไม่อยู่ในก?เกณฑ์ รักอิสระ เหนือสิ่งใด ถ้าคุณเป็นผู้รับ. . . ความหมายคล้าย ๆ กัน ถ้าคุณได้รับของขวัญ เป็นกล้อง ภาพถ่าย ผู้ให้อยากจะบอกว่าคิดถึงมาก อยากมาอยู่ใกล้ชิด คล้ายๆ กับภาพแทนใจทำนองนั้น หรือกำลังบอกว่า คุณเข้าถึงยาก อยากให้ เปิดใจให้มากกว่านี้หน่อยก็ได้






เสื้อผ้า ไม่ว่าเป็นเสื้อผ้า กระโปรง กางเกง แสดงให้รู้ถึงความรู้สึกแสนพิเศษที่ลึกลงไปอีกหน่อย ถ้า คุณเป็นผู้รับ. . . คนให้เขาอยากให้รู้ว่า มีความรักความห่วงใยอย่างล้นเหลือให้ และยังแสดงให้รู้ว่าต้องการจับจองเป็นเจ้าของหัวใจด้วย ถ้าเป็นชุดชั้นในหรือ ชุดนอนล่ะก็ แปลว่า นอก จากรัก และห่วงใยแล้ว ยัง อยากเป็นเจ้าของทั้งตัวทั้งหัวใจเลย (หนุ่มไหนซื้อให้...ก็ระวังไว้ ให้ดีเชียว) ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . คุณต้องการจะดูแล และห่วงใยคนที่คุณให้ ด้วยความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา อยากให้คนรับรู้ว่า คุณมีความรู้สึก ที่ลึกซึ้งเอามาก ๆ ทีเดียวนะ นอกจากนี้ คนที่ให้เสื้อผ้ายังเป็น คนทันสมัย ตามโลก คล่องแคล่ว และสะอาดรักสวยรักงาม อีกด้วย




ต้นไม้ โอ๊ะโอ๋! รู้มั้ยว่า การมอบต้นไม้น่ะ แสนจะหวานเลยนะ เพราะสื่อความหมายว่า อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขามั่นคง แตกหน่อเติบโตต่อไป หวานม่ะ! ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . บอกได้ว่าคุณเป็น คนสุภาพ อ่อนโยน ติดดิน และรักธรรมชาติ คุณอยากจะเป็นคนดูแล และชอบเอาอก เอาใจ คุณเป็นคนอ่อนหวาน ช่างฝัน โรแมนติก เรียบร้อย และ คุณอยากจะบอกว่า ความรู้สึกของคุณนั้น จริงจังและทุ่มเทมาก ด้วยนะ ถ้าคุณเป็นผู้รับ. . . คนให้มีความรู้สึก ที่จริงใจ และมั่นคงและอยากให้ ความสัมพันธ์เจริญเติบโต งอกงามเหมือนต้นไม้ นอกจากจะห่วงใยอาทรแล้ว ยังพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ ได้อีก ด้วย บอกถึงนิสัย ผู้ให้ว่าเป็นคนจริงจัง หัวโบราณ แต่ก็มั่นคง อบอุ่น และน่ารัก แม้จะจืดไปบ้างเล็ก ๆ






ตุ๊กตา ของขวัญยอดฮิต ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาอะไร มีความหมาย ถ้าความรักใคร่ที่ปนมากับความเอ็นดู และอบอุ่นอ่อนโยน ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . บอกได้ว่าคุณเป็น คนที่มองโลกในแง่ดี ขี้อ้อนเล็กๆ ใจดี มีเมตตา น้ำใจดี อ่อนโยน และอ่อนหวาน คุณชอบเล่นบทแม่ที่ดูแลลูก ช่างฝันและ อ่อนไหว ตุ๊กตาที่คุณให้บอก ให้รู้ว่า คุณอยากให้ความสัมพันธ์นี้ดีไปตลอด จะทะนุถนอมความรู้สึกของผู้รับเสมอ ถ้าคุณเป็นผู้รับ. . . คุณคงรู้แล้วสินะว่า มีคนเขารัก และห่วงใยคุณขนาดไหน ยามใดที่คุณมีทุกข์ ผู้ให้ก็พร้อมจะมาดูแลคุณ ปลอบโยนคุณเสมอ
ดอกไม้ มาถึงดอกไม้ ดอกไม้ เป็นความรู้สึก ที่หวานซึ้ง และร้อนแรง ต่างกับต้นไม้ตรงที่สวยอยู่ ได้ไม่นาน ก็ร่วงโรย มักจะบอกถึงอารมณ์ที่วูบไหว แบบสายฟ้าฟาดทำนองนั้น ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . คุณเป็นคนที่ชอบเรื่องรักใคร่ โรแมนติกอารมณ์วูบไหวง่าย อาจตกหลุมรักง่าย และหน่ายเร็ว ขยันและแอ็คทีฟ รสนิยมดี เข้าสังคมเก่ง ใจร้อน ดอกไม้ที่ให้ความหมายถึง ความรู้สึกที่ว่า รักร้อยเปอร์เซนต์ไม่มีตกหล่น เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่มีอย่างเต็มล้น ถ้าคุณเป็นผู้รับ. . . ผู้ให้กำลังจะบอกว่า เขามีความรู้สึกดี ๆ ที่จะให้เต็มปรี่ สุดแล้วแต่ ผู้รับจะคิดยังไงก็ได้ ไม่หวังจะได้สิ่งตอบแทน คุณเป็นคนพิเศษสำหรับผู้ให้เสมอ

แหล่งข้อมูล : http://www.jkfanclub.th.gs
ชำระเงินออนไลน์

เรื่องสั้นสอนใจ "ทำดีให้เด็กเห็น"

ครั้งหนึ่ง มีบ้านหลังหนึ่งมีสามี ภรรยา ลูกชาย และอาม่าแก่ๆคนหนึ่ง อาม่าแก่มากและไม่แข็งแรง มีอาการมือสั่นตลอดเวลา ทำให้ถือของลำบากโดยเฉพาะ เวลาที่อาม่าทานข้าวร่วมกับครอบครัว อาม่าจะถือชามข้าวได้ลำบาก และทำข้าวหกลงบนโต๊ะตลอดเวลา ลูกสะใภ้อาม่ารำคาญกับเรื่องนี้มาก จึงปรึกษากับสามีว่า เวลาอาม่าทานข้าวเขาจะ ทำข้าวหกเกลื่อนโต๊ะ นางทนไม่ได้เพราะมันทำให้รู้สึกกินข้าวไม่ลง สามีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่สามารถทำให้อาม่าหายมือสั่นได้ อีกไม่กี่วัน ลูกสะใภ้ก็พูดกับสามีเรื่องนี้อีกว่า จะไม่แก้ไขอะไรเลยหรือ นางทนไม่ได้แล้ว หลังจากโต้เถียงกันไปสักพัก สามีก็ยอมตามภรรยา โดยเมื่อถึงเวลาทานข้าว เขาจะจัดให้แม่นั่งแยกโต๊ะต่างหากเพียงคนเดียว และใช้ถ้วยข้าวถูกๆบิ่นๆ เพราะอาม่าทำถ้วยแตกบ่อยๆ เมื่อถึงเวลาทานข้าว อาม่าเศร้าใจมาก เพราะอาม่าก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไขอะไรได้ นางนึกถึงอดีต ที่นางเลี้ยงดูลูกชายด้วยความรักเสมอมา นางไม่เคยบ่นต่อความเหนื่อยยาก และเวลาที่ลูกชายเจ็บไข้นางก็ดูแลอย่างดี เวลาลูกชายมีปัญหาก็ ช่วยแก้ไขทุกครั้ง แต่ตอนนี้อาม่ารู้สึกว่าถูกทิ้ง อาม่าเสียใจมาก หลายวันผ่านไป อาม่ายังเศร้าใจ รอยยิ้มเริ่มจางหายไปจากใบหน้าของเขา หลานชายน้อยๆ ของอาม่าซึ่งเฝ้าดูทุกอย่างมาตลอดก็เข้ามาปลอบใจ และบอกคุณย่าว่า เขารู้ว่า คุณย่าเสียใจมากที่พ่อแม่ของเขาทำแบบนี้ แต่หลานชายมีวิธีที่จะให้อาม่า กลับไปทานข้าวรวมกับทุกคนได้ ความหวังเริ่มเกิดขึ้นในหัวใจของหญิงชรา จึงถามหลานชายว่าจะทำอย่างไร หลานก็ตอบว่า เย็นนี้ให้คุณย่าแกล้งทำชามของคุณย่า ตกแตกเหมือนกับไม่ได้ตั้งใจ อาม่าได้ฟังก็แปลกใจ แต่เด็กน้อยยืนยันว่า ให้คุณย่าทำตามที่บอก ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ของหลานเอง และแล้วเมื่อได้เวลาอาหารเย็น หญิงชราก็ตัดสินใจลองทำตามที่หลานพูด เพื่อจะดูว่าหลานมีแผนอะไร หญิงชรายกถ้วยข้าวเก่าที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นขึ้นแล้ว แกล้งปล่อยลงบนพื้นเหมือนกับหลุดมือ ถ้วยข้าวเก่าๆแตกกระจายยับเยิน ลูกสะใภ้เห็น ถ้วยแตกเสียหายก็ลุกขึ้นเตรียมจะด่าว่าอาม่า แต่ลูกชายตัวน้อยของนางกลับชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “คุณย่า…!! ทำไมทำชามแตกหมดเลยล่ะครับ นี่ผมกะว่าจะเก็บไว้ให้คุณแม่ใช้ตอนแก่นะ แล้วคุณแม่จะเอาชามเก่าๆที่ไหนใช้กันล่ะทีนี้… คุณย่านิใช้ไม่ได้เลยนะครับ” เมื่อลูกสะใภ้ได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ก็หน้าซีดและ ด่าอาม่าไม่ออกอีกต่อไป นางรู้ทันทีว่า สิ่งที่นางทำจะเป็นตัวอย่าง ให้ลูกชายของนางปฏิบัติต่อนางเมื่อนางแก่ตัวลง นางรู้สึกอับอาย และสำนึกกับการกระทำของตัวเอง ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนก็ทานข้าวรวมกันมาตลอดจาก



ชำระเงินออนไลน์